ของพรีเมี่ยมที่ ธุรกิจสายท่องเที่ยว ควรรู้ในปี 2025
ของพรีเมี่ยมที่ ธุรกิจสายท่องเที่ยว ควรรู้ในปี 2025 ในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย การสร้าง “ความสัมพันธ์ที่ดี” และ “ความทรงจำที่ดี” ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า กลายเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้คุณภาพของสินค้าและบริการ หนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังและต้นทุนไม่สูงมาก แต่ส่งผลระยะยาวได้ดีเยี่ยม คือ “ของพรีเมี่ยม” หรือของขวัญส่งเสริมการขาย
ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจ ปากกา ถุงผ้า หรือแม้แต่สินค้าท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ หากออกแบบให้เหมาะสม สื่อถึงแบรนด์ได้ชัดเจน และมอบให้ในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ ของพรีเมี่ยมเหล่านี้สามารถทำหน้าที่มากกว่าการเป็นของขวัญ พวกมันสามารถกลายเป็น “เครื่องมือสร้างการจดจำ” กระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ และเพิ่มโอกาสในการกลับมาใช้บริการซ้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ
โดยเฉพาะในปี 2025 ซึ่งเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ได้รับ การแบ่งปันบนโซเชียลมีเดีย และการสนับสนุนแบรนด์ที่ “มีสไตล์” หรือ “มีจุดยืน” ทำให้ของพรีเมี่ยมที่ดีไม่เพียงแต่ต้องสวยงามและใช้งานได้เท่านั้น แต่ยังต้อง “เล่าเรื่องแบรนด์” ได้ด้วย
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกว่าเหตุใดของพรีเมี่ยมจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ ธุรกิจสายท่องเที่ยว ในยุคใหม่ พร้อมแนะนำไอเดียของพรีเมี่ยมที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของนักเดินทางยุคดิจิทัล และให้เทคนิคในการเลือกของที่แจกแล้ว “คุ้มค่า” ทั้งต่อภาพลักษณ์และการตลาดของแบรนด์คุณ
ทำไม ธุรกิจสายท่องเที่ยวต้อง ให้ความสำคัญกับของพรีเมี่ยม?
ในยุคที่ธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 สิ่งที่หลายบริษัทต้องแข่งขันกันไม่ใช่แค่ “ราคา” หรือ “เส้นทาง” แต่คือ ประสบการณ์และความประทับใจ ที่สามารถเชื่อมโยงลูกค้าเข้ากับแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน
ของพรีเมี่ยม จึงกลายเป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง ที่ธุรกิจสายท่องเที่ยวไม่ควรมองข้าม เพราะมันสามารถสร้าง “ความต่าง” ที่ลูกค้ารู้สึกได้ทันที
- เพิ่มโอกาสในการ “จำแบรนด์ได้” – แบรนด์ที่เดินทางไปกับลูกค้า
การท่องเที่ยวคือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ ๆ และของพรีเมี่ยมที่ใช้งานได้จริง เช่น ขวดน้ำพกพา, ถุงผ้าพับได้, หรือ หมวกปีกกว้าง ที่มีโลโก้ของบริษัทท่องเที่ยว จะกลายเป็นของคู่ใจในการเดินทาง
ลูกค้าใช้ของเหล่านี้ระหว่างทริป และยังอาจใช้งานต่อในชีวิตประจำวัน แม้จะจบทริปไปแล้ว
นั่นหมายถึงแบรนด์ของคุณ จะยังอยู่ในความทรงจำ ของลูกค้าเสมอ โดยไม่ต้องเสียเงินโฆษณาเพิ่ม
- สร้างความประทับใจตั้งแต่ต้นทาง – จุดเริ่มต้นของประสบการณ์ที่ดี
ของพรีเมี่ยมที่ลูกค้าได้รับตั้งแต่วันแรก เช่น Welcome Kit, ชุดของขวัญต้อนรับที่สนามบิน, หรือแม้แต่ ซองใส่เอกสารพร้อมพัดพกพา เป็น “สัญญาณแรก” ที่บ่งบอกว่าแบรนด์ของคุณใส่ใจในรายละเอียด
สิ่งเล็ก ๆ ที่ดูเรียบง่ายแบบนี้ สามารถเปลี่ยนความรู้สึกของลูกค้าจาก “ทริปทั่วไป” ให้กลายเป็น “ประสบการณ์เฉพาะตัว” ที่พวกเขาอยากจดจำ และอยากบอกต่อ
- เสริมภาพลักษณ์ของบริษัท – แบรนด์ที่ดูมืออาชีพเริ่มจากของเล็ก ๆ
การใช้ของพรีเมี่ยมที่มี ดีไซน์ร่วมสมัย วัสดุดี และพิมพ์โลโก้อย่างมีรสนิยม ไม่เพียงแต่สร้างความรู้สึกดีต่อผู้รับ แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์ของคุณ “ใส่ใจ” และ “มีตัวตนที่ชัดเจน”
ลูกค้าจะรับรู้ว่าแบรนด์นี้ “มีระดับ” ไม่ใช่แค่ขายทริป แต่มีความตั้งใจในทุกสัมผัส ตั้งแต่การบริการไปจนถึงของพรีเมี่ยมที่แจก นี่คือจุดที่แบรนด์จะ “เหนือกว่า” คู่แข่งที่ยังไม่ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้
ของพรีเมี่ยม 10 ประเภท ที่ธุรกิจสายท่องเที่ยวควรมีในปี 2025
1. ถุงผ้าพับได้แบบ Eco-Friendly
ตอบโจทย์: นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับการลดพลาสติก
ข้อดี:
- พับเก็บได้สะดวก
- พกพาง่าย
- พิมพ์โลโก้แบรนด์ได้ชัดเจนเต็มพื้นที่
2. กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ
เหมาะกับ: นักเดินทางสายลุย ทัวร์ธรรมชาติ หรือกลุ่มที่เที่ยวในพื้นที่ร้อน
จุดเด่น:
- เก็บความร้อน-เย็นได้
- ใช้งานได้นาน
- สกรีนโลโก้ได้รอบขวด เพิ่มพื้นที่การมองเห็นแบรนด์
3. หมวกผ้า / หมวก Bucket
ไอเดีย: แจกหมวกพร้อมโลโก้ทัวร์ในทริปทะเล ภูเขา หรืองานกลางแจ้ง
ข้อดี:
- ลูกค้าใส่ถ่ายรูปได้
- แบรนด์มีโอกาสติดในรูปภาพ = ได้ Exposure ฟรี
ราคาประมาณ: 30–70 บาท
4. แพ็กเกจ Welcome Kit
เหมาะกับ: โรงแรม/บริษัททัวร์ที่ต้องการสร้างความประทับใจตั้งแต่วันแรก
ของที่นิยมใส่:
- แผนที่
- เจลล้างมือ
- พัดพับ
- ผ้าเย็น
- สกรีนโลโก้ลงถุงผ้า
5. สายคล้องบัตร + ช่องใส่เอกสารเดินทาง
ตอบโจทย์: กรุ๊ปทัวร์, นักเดินทางต่างชาติ, ผู้เดินทางเชิงธุรกิจ
ข้อดี:
- ใส่พาสปอร์ต, Boarding Pass, ตั๋วเครื่องบิน
- ดีไซน์ดี ใช้ต่อหลังทริปได้
6. USB Card / Power Bank
เหมาะกับ: นักเดินทางรุ่นใหม่ สายดิจิทัล
ข้อดี:
- USB Card สกรีนโลโก้เต็มแผ่น
- Power Bank มีฟังก์ชันใช้งานจริง
7. ปลอกหุ้มกระเป๋า / แท็กกระเป๋าเดินทาง
จุดเด่น:
- ใช้จริงในสนามบิน
- คนเห็นทั้งในเครื่องบินและระหว่างเดินทาง
เสริมได้: QR Code หรือช่องใส่ข้อมูล
8. สมุดบันทึกท่องเที่ยว / Travel Journal
เหมาะกับ: นักท่องเที่ยวสาย Slow Life และกลุ่มยุโรป
ข้อดี:
- จดบันทึกประสบการณ์
- สกรีนโลโก้, คำคม หรือ Tips การท่องเที่ยวในแต่ละหน้า
9. เสื้อยืดลายเฉพาะของทัวร์
ประโยชน์: ใช้ในวันเดินทาง ถ่ายภาพหมู่ แชร์โซเชียล = ได้โฆษณาฟรี
ข้อควรใส่ใจ:
- ควรเลือกผ้าใส่สบาย
- มีไซส์ครบทุกคน
10. สติ๊กเกอร์ / แม่เหล็กติดตู้เย็น
เหมาะกับ: แจกแนบพาสปอร์ตซอง, Travel Kit หรือร้านของฝาก
ข้อดี:
- ต้นทุนต่ำ
- ถ้าดีไซน์สวย จะถูกติดโชว์เสมอ
เลือกของพรีเมี่ยมยังไง ให้ “แจกแล้วคุ้ม”?
- เลือกของที่ “ใช้งานได้จริง”
เช่น ขวดน้ำ สายคล้องบัตร หรือถุงผ้า เป็นของที่ใช้ซ้ำได้ และติดตัวลูกค้าในการเดินทาง
- พิจารณา “ภาพลักษณ์ของแบรนด์”
ธุรกิจท่องเที่ยวหรูหรา อาจเลือกของพรีเมี่ยมระดับพรีเมียม เช่น Travel Set หนังเทียม, กล่องไม้หรู, หรือ Power Bank ดีไซน์เฉพาะ
- ใช้สี และโลโก้ให้จดจำง่าย
แนะนำให้ใช้สีเฉพาะของแบรนด์ และสกรีนโลโก้ในจุดเด่น เพื่อให้ลูกค้าจำได้ว่า “ของชิ้นนี้มาจากคุณ”
- สร้าง “ประสบการณ์” มากกว่าของ
คุณค่าของของพรีเมี่ยมอาจไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่ “โมเมนต์ที่ได้มา” เช่น แจกพร้อมบัตรขึ้นเครื่อง / มีข้อความขอบคุณ / เป็นเซอร์ไพรส์บนรถทัวร์
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ของพรีเมี่ยมสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวคืออะไร?
A: ของพรีเมี่ยมสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว คือของขวัญหรือของที่ระลึกที่แบรนด์มอบให้กับนักท่องเที่ยว เช่น ถุงผ้า ขวดน้ำ หรือชุด Welcome Kit เพื่อสร้างความประทับใจ เพิ่มการจดจำแบรนด์ และใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดเชิงประสบการณ์
Q: ทำไมธุรกิจท่องเที่ยวควรแจกของพรีเมี่ยม?
A: เพราะช่วยสร้างความผูกพันกับลูกค้า สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และเป็นวิธีโปรโมตแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยให้แบรนด์ “ปรากฏอยู่ในไลฟ์สไตล์ของลูกค้า” แม้หลังจากการท่องเที่ยวสิ้นสุด
Q: แจกของพรีเมี่ยมแบบไหนดีให้นักท่องเที่ยวจำแบรนด์ได้?
A: แนะนำของที่ใช้บ่อยและพกติดตัว เช่น หมวก ถุงผ้าพับได้ ขวดน้ำ หรือสายคล้องบัตร พร้อมสกรีนโลโก้หรือชื่อแบรนด์อย่างชัดเจน
Q: เทรนด์ของพรีเมี่ยมในปี 2025 สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวคืออะไร?
A: ของพรีเมี่ยมที่เน้น ความยั่งยืน (Eco-Friendly), ใช้งานได้หลากหลาย, และสามารถ เชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล เช่น QR Code หรือแชร์ภาพผ่านโซเชียลมีเดีย
Q: ควรเลือกของพรีเมี่ยมจากเกณฑ์ใด?
A: ใช้หลัก 4 ข้อ คือ
- ใช้งานได้จริง
- สื่อถึงแบรนด์ได้
- มีคุณภาพที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
- เหมาะสมกับช่วงเวลา/ฤดูกาลของการท่องเที่ยว
Q: งบประมาณสำหรับของพรีเมี่ยมควรอยู่ที่เท่าไหร่?
A: ขึ้นอยู่กับประเภทและจำนวนการสั่ง หากต้องการของราคาประหยัด เริ่มต้นที่ 10–20 บาท/ชิ้น ส่วนของคุณภาพสูงหรือเฉพาะกลุ่ม อาจอยู่ที่ 50–150 บาท/ชิ้น
Q: ควรแจกของพรีเมี่ยมในช่วงเวลาใดของการเดินทาง?
A: ช่วงที่แนะนำ เช่น:
- ตอนรับลูกค้ามาถึง (Welcome Gift)
- ในกิจกรรมกลางแจ้ง/ถ่ายภาพหมู่
- ตอนอำลาก่อนจบทริป
หากคุณกำลังหาของพรีเมี่ยมที่มีหลากหลายแบบ หลากหลายสไตล์ ที่สกรีนโลโก้ได้ เอาไว้แจกลูกค้าหรือองค์กร ติดต่อปรึกษาเราได้ที่ Buddy Premium